เวลาไปดูคอนเสิร์ตศิลปินคนโปรด เคยทึ่งกับซาวด์สุดกระหึ่มและแสงสีเสียงสุดอลังการบนเวทีกันไหม? แล้วสงสัยกันไหมว่าเบื้องหลังโชว์สุดอลังการของศิลปินคนโปรดมีอะไรซ่อนอยู่ บอกเลยว่าทุกโชว์ที่น่าประทับใจไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโชคช่วย แต่มาจากการเตรียมงานอย่างมืออาชีพผ่านเอกสารสำคัญที่เรียกว่า Technical Rider ดังนั้นในวันนี้ UOB Live เลยจะขออาสาพาคุณไปทำความรู้ว่าเอกสารนี้ คืออะไร ทำไมถึงเป็นคู่มือสำคัญที่ศิลปินและทีมงานต้องมี? ถ้าอยากรู้แล้วก็ตามมาดูกันเลย!
Technical Rider คืออะไร
Technical Rider หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Tech Rider คือเอกสารที่รวมทุกความต้องการทางเทคนิคของศิลปินหรือวงดนตรีที่จะใช้ในการแสดงสด เปรียบเสมือนคู่มือที่ศิลปินส่งให้กับสถานที่จัดงานหรือผู้จัด เพื่อให้ทีมงานฝั่งสถานที่ ไม่ว่าจะเป็น Sound Engineer ผู้ควบคุมแสงหรือทีมเทคนิคเวที สามารถเตรียมทุกอย่างได้ตรงตามที่ศิลปินต้องการเป๊ะ ๆ เพื่อให้โชว์ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการแสดงในสเกลเล็ก ๆ ไปจนถึง Concerts in Bangkok สุดยิ่งใหญ่ก็ตาม
ความสำคัญของ Technical Rider
ลองนึกภาพตามว่าถ้าไม่มี Tech Rider ศิลปินอาจจะไปถึงหน้างานแล้วเจอลำโพงที่ไม่ใช่ ไมค์ที่อยากได้หรือไฟเวทีที่ไม่ปังอย่างที่คิด การสื่อสารหน้างานที่วุ่นวายอาจทำให้โชว์สะดุดและเสียเวลาได้ Technical Rider จึงเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้โดยตรง ทำให้การสื่อสารระหว่างทีมศิลปินและทีมสถานที่จัดงานชัดเจนและเป็นระบบ ทุกฝ่ายจะเข้าใจตรงกันว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง ลดความผิดพลาดหน้างานและช่วยให้การทำงานราบรื่น ทำให้ศิลปินแสดงได้อย่างเต็มที่ ส่วนคนดูก็ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดกลับไป
Technical Rider ต้องมีอะไรบ้าง
เอกสาร Tech Rider ที่ดีควรจะละเอียดและครอบคลุมทุกความต้องการ โดยปกติแล้วจะประกอบไปด้วยหัวข้อหลัก ๆ ดังนี้
1. Stage Plan
ส่วนนี้เปรียบเสมือนพิมพ์เขียวของเวทีเลยก็ว่าได้ ซึ่งจะแสดงเป็นภาพแผนผังที่เข้าใจง่าย ว่าศิลปินแต่ละคนจะยืนอยู่ตรงไหน เครื่องดนตรีชิ้นไหนวางตำแหน่งใด รวมถึงจุดวางมอนิเตอร์และอุปกรณ์เทคนิคอื่น ๆ การมีแผนภาพที่ชัดเจนแบบนี้จะช่วยให้ทีมงานสามารถจัดเตรียมเวที (Load-in) และเช็กระบบเสียงได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ที่สำคัญคือช่วยลดความสับสนหน้างาน ทำให้ศิลปินมีพื้นที่ในการแสดงอย่างเต็มที่ และเป็นการยกระดับคุณภาพของโปรดักชันทั้งหมดให้เป็นไปอย่างมืออาชีพ
2. Audio Requirements
ส่วนนี้จะลงลึกไปที่ซาวด์ในโชว์ทั้งหมด โดยจะระบุรายละเอียดระบบเสียงที่ต้องการ ตั้งแต่ลิสต์ไมโครโฟนแต่ละตัว (ยี่ห้อ, รุ่น) สำหรับเสียงร้องและเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น จำนวน DI Box ประเภทของ Mixer ไปจนถึงระบบลำโพง PA สำหรับผู้ชมและมอนิเตอร์บนเวที โดยข้อมูลในส่วนนี้จะทำให้ซาวด์ของโชว์ออกมาสมบูรณ์แบบตามที่ศิลปินต้องการ
ซึ่งที่ UOB Live เราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง บอกเลยว่าจัดเต็มด้วยระบบเสียงที่ทันสมัยและได้มาตรฐานระดับโลก ด้วยเครื่องเสียงจากแบรนด์ชั้นนำอย่าง L-Acoustics ที่ให้ซาวด์ทรงพลัง คมชัดทุกมิติ ครอบคลุมทุกที่นั่ง พร้อมด้วย Mixing Console จาก DiGiCo ที่ซาวด์เอนจิเนียร์ทั่วโลกไว้วางใจ และไมโครโฟนไร้สายคุณภาพสูงจาก Sennheiser เพื่อให้เสียงร้องของศิลปินคมชัดทุกถ้อยคำ มั่นใจได้เลยว่าทุกความต้องการด้านซาวด์ของศิลปินจะถูกตอบสนองอย่างไร้ที่ติ
3. Lighting Requirements
สำหรับโชว์ที่ต้องการความอลังการของแสงสี ส่วนนี้จะระบุความต้องการด้านระบบไฟทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นประเภทของไฟที่ต้องการ เช่น ไฟพาร์ (Par) มูฟวิ่งเฮด (Moving Head) สปอตไลท์ (Spotlight) ตำแหน่งการติดตั้ง การใช้เครื่องทำควัน (Hazer/Fog Machine) หรือแม้แต่การคุมโทนสีของแสงในแต่ละช่วงของโชว์ และแน่นอนว่าเรื่องแสงสีเสียงที่ UOB Live ก็จัดเต็มแบบไม่มีกั๊ก! ด้วยชุดอุปกรณ์ไฟคุณภาพสูงจากแบรนด์ ACME และสามารถควบคุมผ่านบอร์ดคอนโทรลระดับโปรที่ทั่วโลกยอมรับอย่าง MA Lighting grandMA3 ช่วยให้ Lighting Designer สามารถสร้างสรรค์ทุกจินตนาการให้ออกมาเป็นภาพจริงบนเวทีได้เข้ากับบรรยากาศของงานได้มากที่สุด
4. Backline/Equipment List
Backline คืออุปกรณ์เครื่องดนตรีที่สถานที่จัดงานต้องเตรียมไว้ให้ เช่น ตู้แอมป์กีตาร์ แอมป์เบส ชุดกลอง หรือคีย์บอร์ด ในลิสต์นี้จะระบุยี่ห้อและรุ่นที่ต้องการอย่างชัดเจน เพื่อให้ศิลปินได้ซาวด์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองมากที่สุด
5. Sound check & Schedule
โชว์จะเป๊ะปังได้ ไม่ใช่แค่เรื่องซาวด์กับไฟนะ แต่เรื่องคิวเวลานี่แหละคีย์สำคัญ! ในส่วนนี้เลยต้องลิสต์ไทม์ไลน์ของวันงานมาให้เคลียร์ๆ เลย ตั้งแต่เวลาที่ทีมงานต้องขนของเข้า (Load-in) เริ่มเซตของกี่โมง อยากซาวด์เช็กนานแค่ไหน ไปจนถึงเวลาโชว์เริ่มจนจบโชว์ เพราะการมีตารางที่เป๊ะจะช่วยกันซีนวุ่น ๆ หน้างานได้ดีมาก ทำให้ทุกฝ่ายทำงานได้ง่ายและไหลลื่น
6. Power Requirements
เรื่องไฟนี่เรื่องใหญ่เลยนะ! ยิ่งโชว์ไหนมีทั้งแสงสีเสียงจัดเต็ม บอกเลยว่ากินไฟสุด ๆ ดังนั้นใน Technical Rider ก็ต้องระบุให้ชัดเจนไปเลยว่าต้องการกำลังไฟเท่าไหร่ เพื่อให้สถานที่พร้อมซัพพอร์ตอย่าง UOB Live at Emsphere ซึ่งเป็นที่จัดคอนเสิร์ตชั้นนำได้จัดเตรียมระบบไฟไว้ให้แบบเหลือเฟือและปลอดภัย รับรองได้เลยว่าจะไม่มีซีนช็อตฟีลอย่างไฟตกหรือไฟดับมาขัดจังหวะความสนุกแน่นอน!
7. Contact Information
ปิดท้ายด้วยข้อมูลการติดต่อของตัวแทนฝั่งศิลปิน ไม่ว่าจะเป็น Tour Manager หรือ Production Manager ก็ควรใส่ชื่อ เบอร์โทรและอีเมลมาให้ชัดเจน เผื่อทีมงานของสถานที่จัดงานอย่างเรามีคำถามด่วน ๆ หรืออยากจะคอนเฟิร์มอะไรปุ๊บปั๊บ จะได้โทรหาถูกคน การสื่อสารที่รวดเร็วและตรงจุดแบบนี้แหละ ที่จะช่วยให้การเตรียมงานราบรื่นขั้นสุด และเป็นสิ่งที่ทีมงาน UOB Live ให้ความสำคัญเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างจะเป๊ะตามแผนที่วางไว้!
วิธีเขียน Technical Rider ให้กระชับและครบถ้วน
การเขียน Tech Rider ที่ดีคือต้องชัดเจนและเข้าใจง่าย พยายามใช้ภาษาที่เป็นสากล หลีกเลี่ยงศัพท์เทคนิคที่ซับซ้อนเกินไปหากไม่จำเป็น จัดระเบียบข้อมูลเป็นหัวข้อให้ชัดเจน อาจใช้รูปภาพหรือไดอะแกรมเข้ามาช่วยในส่วนของ Stage Plan เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น
- ชัดเจน กระชับ เข้าใจง่าย ลืมการเขียนเรียงความไปได้เลย! ใช้ภาษาที่เป็นสากล ตรงไปตรงมา ละจัดระเบียบข้อมูลเป็นหัวข้อชัดเจน อาจใช้ Bullet Point หรือตารางเข้ามาช่วยเพื่อให้ง่ายต่อการอ่านและทำความเข้าใจ
- บอกให้เจาะจง ยิ่งระบุรายละเอียดได้ชัดเท่าไหร่ยิ่งดี เช่น ถ้าอยากได้แอมป์กีตาร์ Fender Twin Reverb ก็ระบุชื่อรุ่นไปเลยหรือถ้ามีตัวเลือกสำรองก็ใส่ไปด้วย การให้ข้อมูลที่เจาะจงจะช่วยลดโอกาสเกิดความผิดพลาดได้เยอะมาก
- ภาพเดียวแทนพันคำ โดยเฉพาะในส่วนของ Stage Plan การใช้แผนภาพ (Diagram) ที่ดูง่าย จะช่วยให้ทีมงานเห็นภาพรวมบนเวทีได้ทันทีว่าใครยืนตรงไหน ต้องวางอุปกรณ์อะไรบ้าง ซึ่งดีกว่าการอธิบายด้วยตัวหนังสือยาวๆ หลายเท่า
และที่สำคัญคือต้องอัปเดตเสมอ! หากมีการเปลี่ยนแปลงศิลปินที่ทำการแสดง เปลี่ยนอุปกรณ์หรือมีความต้องการอะไรเพิ่มเติม ต้องรีบอัปเดตใน Technical Rider แล้วแจ้งให้ผู้จัดหรือสถานที่ทราบทันที เพราะทีมงานจะวางแผนทุกอย่างจากเอกสารเวอร์ชันล่าสุดที่คุณส่งมา
สรุปบทความ
Technical Rider ไม่ใช่แค่เอกสารทางเทคนิคที่มีแต่ข้อมูลอะไรก็ไม่รู้ แต่เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ทุกโชว์เกิดขึ้นได้อย่างราบรื่นและสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ดีที่สุดระหว่างศิลปินและผู้จัดงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกันคือการสร้างสรรค์ประสบการณ์สุดพิเศษให้กับผู้ชมทุกคน สำหรับใครที่ฝันอยากจะมีคอนเสิร์ตของตัวเองหรือสนใจงานเบื้องหลังในสายงานจัดอีเว้นท์ การทำความเข้าใจเรื่อง Tech Rider ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญสู่การเป็นมืออาชีพในวงการดนตรีเลยทีเดียว และแน่นอนว่าที่ UOB Live เราพร้อมที่จะเป็นพาร์ทเนอร์ที่เข้าใจทุกรายละเอียดใน Tech Rider ของคุณ ด้วยทีมงานมืออาชีพและเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐานระดับโลก เราพร้อมที่จะเปลี่ยนทุกความต้องการของศิลปินให้กลายเป็นโชว์สุดประทับใจที่ทุกคนจะไม่มีวันลืม!
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Technical Rider
ถ้าไม่มี Technical Rider จะเกิดอะไรขึ้น?
จำเป็นมาก! ไม่ว่าจะเป็นวงเล็กหรือใหญ่ การมี Tech Rider จะช่วยให้การทำงานดูเป็นมืออาชีพขึ้นเยอะเลย ไม่จำเป็นต้องมีรายละเอียดซับซ้อนอลังการเหมือนศิลปินเบอร์ใหญ่ก็ได้ แค่มีข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็น เช่น Stage Plan ง่าย ๆ ลิสต์เครื่องดนตรีและไมค์ที่ใช้ ก็ช่วยให้ทีมซาวด์ของสถานที่จัดงานเข้าใจความต้องการของวงคุณ และเตรียมทุกอย่างให้พร้อมได้ง่ายขึ้น บอกเลยว่าช่วยลดความวุ่นวายหน้างานได้แบบสุด ๆ
ต้องเขียน Technical Rider เองทั้งหมดเลยไหม หรือมีเทมเพลตให้ใช้?
ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเริ่มจากศูนย์! ในอินเทอร์เน็ตมีเทมเพลต (Template) ของ Tech Rider ให้ดาวน์โหลดมาปรับใช้เยอะแยะเลย ลองเสิร์ชคำว่า Technical Rider Template ดูได้ สามารถเลือกแบบที่ดูง่ายๆ แล้วเอามาปรับแก้ ใส่ข้อมูลของวงตัวเองลงไปได้เลย เป็นวิธีเริ่มต้นที่ดีและง่ายที่สุดสำหรับศิลปินที่ยังไม่เคยทำมาก่อน
วงดนตรีเล็ก ๆ หรือศิลปินหน้าใหม่ จำเป็นต้องมี Technical Rider ด้วยไหม?
จำเป็นมาก! ไม่ว่าจะเป็นวงเล็กหรือใหญ่ การมี Tech Rider จะช่วยให้การทำงานดูเป็นมืออาชีพขึ้นเยอะเลย ไม่จำเป็นต้องมีรายละเอียดซับซ้อนอลังการเหมือนศิลปินเบอร์ใหญ่ก็ได้ แค่มีข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็น เช่น Stage Plan ง่าย ๆ ลิสต์เครื่องดนตรีและไมค์ที่ใช้ ก็ช่วยให้ทีมซาวด์ของสถานที่จัดงานเข้าใจความต้องการของวงคุณ และเตรียมทุกอย่างให้พร้อมได้ง่ายขึ้น บอกเลยว่าช่วยลดความวุ่นวายหน้างานได้แบบสุด ๆ