เสียงกรี๊ดดังแค่ไหนก็ยอม! ถ้าพูดถึงอีเวนต์ที่เหล่าแฟนคลับใฝ่ฝันและตั้งตารอมากที่สุด นอกเหนือจากคอนเสิร์ตใหญ่แล้ว ก็ต้องมีชื่องานแฟนมีตติดโผมาเป็นอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน เพราะนี่คือโมเมนต์สุดพิเศษที่จะได้จอย และฟินไปกับศิลปินคนโปรดแบบใกล้ชิดยิ่งกว่าที่เคย วันนี้ UOB Live จะพาไปเจาะลึกกันว่างาน Fan Meeting คืออะไร ทำไมถึงกลายเป็นประสบการณ์ที่ทุกคนต้องสัมผัสสักครั้งในชีวิต ในบทความนี้เลย!
งานแฟนมีต (Fan Meeting) คืออะไร
แฟนมีต (Fan Meeting) คืองานที่จัดขึ้นเพื่อให้ศิลปิน ไม่ว่าจะเป็นนักร้อง นักแสดงหรือไอดอลได้มาพบปะ พูดคุย และใช้เวลาร่วมกับกลุ่มแฟนคลับของตัวเองแบบเอ็กซ์คลูซีฟ จุดประสงค์หลักของงานนี้ ไม่ใช่การมาดูโชว์เพอร์ฟอร์แมนซ์เต็มรูปแบบ แต่เน้นไปที่ปฏิสัมพันธ์ (Interaction) ระหว่างศิลปินกับแฟน ๆ ลองนึกภาพบรรยากาศสบาย ๆ ที่ศิลปินได้มาเล่าเรื่องตลก ๆ ส่วนตัว ตอบคำถามที่แฟน ๆ อยากรู้ หรือเล่นเกมสนุก ๆ บนเวที ตรงนี้แหละคือเสน่ห์ที่ทำให้แฟนคลับรู้สึกเหมือนได้มาเจอเพื่อน หรือคนในครอบครัว มากกว่าแค่การมาดูไอดอลที่อยู่ไกลเกินเอื้อม และแน่นอนว่างานแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องมีกลุ่มคนที่เรียกว่า แฟนด้อมเป็นพลังซัพพอร์ตที่สำคัญที่สุดนั่นเอง
แฟนมีตติ้งกับคอนเสิร์ตต่างกับอย่างไร
หลายคนอาจจะยังสับสนว่า เอ๊ะ! แล้วมันต่างจากคอนเสิร์ตยังไง? มาดูกันดีกว่าว่า มันแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ดังนี้
- คอนเสิร์ต (Concert) เน้นการแสดงดนตรี ร้อง เต้น โชว์แสง สี เสียง แบบจัดเต็ม ศิลปินจะอยู่บนเวทีแสดงความสามารถเป็นหลัก การพูดคุยกับแฟน ๆ จะมีบ้างในช่วงพักเบรก หรือ MENT (ช่วงพูดคุย) แต่สัดส่วนจะน้อยกว่าการแสดง
- แฟนมีตติ้ง (Fan Meeting) เน้นกิจกรรม การพูดคุยและความใกล้ชิดกับแฟน ๆ เป็นหลัก อาจจะมีการร้องเพลงหรือเต้นบ้าง แต่จะเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่า หรือเป็นโชว์พิเศษที่ไม่ได้เห็นในคอนเสิร์ตทั่วไป ไฮไลต์คือการเล่นเกม การตอบ Q&A หรือการทำกิจกรรมตามคำขอของแฟน ๆ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นมุมน่ารัก ๆ หรือตัวตนอีกด้านของศิลปิน
ดังนั้น ถ้าอยากไปเสพดนตรีและเพอร์ฟอร์แมนซ์สุดอลังการ แนะนำให้ไปคอนเสิร์ต แต่ถ้าอยากไปสัมผัสกับความใกล้ชิด และความน่ารักของศิลปินที่คุณชอบแนะนำให้ไปงาน Fanmeeting
วิธีการเตรียมตัวไปแฟนมีต
เมื่อเราผ่านสงครามกดบัตรที่ดุเดือดมาได้แล้ว การเตรียมตัวให้พร้อมก็สำคัญไม่แพ้กัน UOB Live ก็มีทริกเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ทุกคนให้คอยเช็กลิสต์ก่อนไป Fanmeeting กันเลย!
ตรวจสอบรายละเอียดบัตร
สิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง! ตรวจสอบวัน เวลา สถานที่ และโซนที่นั่งของตัวเองให้ดี ว่าราคาบัตรที่คุณซื้อไปนั้น ได้ Benefit อะไรบ้าง โดยทั่วไปแล้วก็จะแตกต่างกันออกไปตามราคาบัตร เช่น สิทธิ์การ Hi-Touch, Hi-Bye, กิจกรรม Sound Check, ถ่ายรูป Group Photo กับศิลปิน หรือรับเป็นของที่ระลึก อย่างโปสเตอร์ หรือ Photocard เป็นต้น เพราะฉะนั้น อย่าลืมเช็กว่าบัตรของเราได้สิทธิ์อะไรบ้าง และต้องไปลงทะเบียนรับสิทธิ์ตอนไหน
ตรวจเช็กสถานที่และวิธีการเดินทาง
งานแฟนมีตส่วนใหญ่มักจะจัดในฮอลล์ หรือสถานที่จัดแฟนมีตติ้งที่เดินทางสะดวกและรองรับแฟนคลับได้เยอะ ๆ ดังนั้น เมื่อรู้พิกัดแล้ว ก็ต้องวางแผนการเดินทางต่อทันที เช็กให้ชัวร์ว่าวิธีไหนสะดวกและเร็วที่สุดสำหรับเรา ไม่ว่าจะเป็น BTS, MRT หรือถ้าขับรถส่วนตัวไปเอง ก็ต้องอย่าลืมเช็กเรื่องที่จอดรถด้วยนะ! และที่สำคัญที่สุด ขีดเส้นใต้ตัวโต ๆ ว่า ต้องเผื่อเวลา เพราะการจราจรในกรุงเทพฯ มักมีเซอร์ไพรส์เสมอ ไปถึงก่อนเวลา ดีกว่าไปสายแล้วพลาดโมเมนต์สำคัญ
อย่างในปัจจุบัน ฮอลล์ใหม่ ๆ หลายที่ก็ออกแบบมาให้เดินทางง่าย อย่างที่ UOB Live at Emsphere ก็เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางหลักที่เชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนได้สะดวกมาก ทำให้การไปเจอศิลปินคนโปรดง่ายขึ้นเยอะ
ตรวจสอบข้อห้ามและข้อควรระวังก่อนเข้าร่วมงาน
ปกติแล้วผู้จัดงานจะประกาศกฎระเบียบต่าง ๆ ให้ทราบล่วงหน้า เช่น ห้ามนำกล้องถ่ายรูป/วิดีโอขนาดใหญ่เข้างาน ห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มจากภายนอก ห้ามอัดเสียงหรือแม้แต่ข้อกำหนดเรื่องขนาดของป้ายไฟ (Cheering Banners) ซึ่งหากเราเคารพกฎก็จะช่วยให้งานราบรื่นและศิลปินก็แฮปปี้ด้วย
แชร์ไอเทมที่ควรพกติดกระเป๋าเมื่อไปงานแฟนมีต
ไปแต่ตัวกับหัวใจอาจจะไม่พอ งานแฟนมีตทั้งทีก็ต้องมีของเสริม!
- บัตรเข้างานและบัตรประชาชน สำคัญที่สุด ห้ามลืมเด็ดขาด! เพราะบางงานก็จะมีการระบุชื่อบนบัตรคอนเสิร์ต ก่อนเข้างานก็อาจจะมีการตรวจสอบว่าชื่อเราตรงกับบนบัตรที่ระบุมาหรือไม่
- แท่งไฟ (Lightstick) ไอเทมชูชีพของเหล่าแฟนคลับ ถือเป็นสัญลักษณ์ว่าเราคือชาวด้อมเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นสาย K-Pop หรือแม้แต่วงการ T-Pop แท่งไฟก็คืออาวุธสำคัญในการส่งพลังใจให้ศิลปิน
- Power Bank (แบตสำรอง) เราต้องถ่ายรูป ต้องอัปเดตโซเชียล แบตหมดคือจบ!
- ยาดม ยาหม่อง ไม่ว่าจะตื่นเต้นจนจะเป็นลม หรือเจอโมเมนต์ฟินจนหายใจไม่ทั่วท้อง ยาดมช่วยได้
- ลูกอม แน่นอนว่าได้เจอกับศิลปินใกล้ชิดขนาดนี้ ก็กรี๊ดให้สนั่นจนคอแตกกันอยู่แล้ว เพราะงั้นพกลูกอมไว้อมให้ชุ่มคอจะดีกว่านะ
- ทิชชู่หรือทิชชู่เปียก ใช้ซับเหงื่อ ซับน้ำตา หรือเช็ดมือก่อนไป Hi-Touch กับศิลปิน
สรุปบทความ
พูดได้เต็มปากเลยว่างานแฟนมีต ไม่ใช่แค่อีเวนต์ที่มาซื้อบัตรดูโชว์ แล้วก็จบไป แต่มันคือพื้นที่แห่งความทรงจำที่มีค่ามหาศาล เป็นโมเมนต์ที่ศิลปินและแฟนคลับได้มาเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนพลังบวกให้กันแบบที่หาที่ไหนไม่ได้ มันคือประสบการณ์ที่มาฮีลใจชั้นดี ช่วยเติมไฟให้หัวใจที่อาจจะเหนื่อยล้าจากโลกความจริง ให้กลับมามีแรงสู้ต่อ เหมือนได้ชาร์จแบตชีวิตจนเต็ม 100%
และแน่นอนว่า UOB Live เข้าใจดีว่าทุกวินาทีในงานแฟนมีตนั้นพิเศษแค่ไหน เราจึงพร้อมอย่างยิ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์โมเมนต์สุดประทับใจ เป็นเวทีที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกความทรงจำ ให้ทั้งศิลปินและแฟน ๆ ได้ฟินกันแบบสุดเสียง แล้วเจอกันที่ UOB Live ในงานแฟนมีตครั้งถัดไป!
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับงานแฟนมีต
ถ้าศิลปินพูดภาษาเกาหลี/จีน/ญี่ปุ่น ฉันจะฟังไม่ออก ทำยังไงดี?
ไม่ต้องห่วง! ในงานแฟนมีตของศิลปินต่างชาติ โดยปกติจะมีล่ามคอยแปลบทสนทนาต่าง ๆ ให้แบบเรียลไทม์อยู่แล้ว อาจจะเป็นการแปลสรุปเป็นช่วง ๆ หรือแปลพร้อมกันไปเลย ขึ้นอยู่กับรูปแบบของงาน รับรองว่าเราจะเข้าใจมุกตลก หรือเรื่องเล่าซึ้ง ๆ ของศิลปินได้ และอินไปกับบรรยากาศได้อย่างแน่นอน
ไม่ได้สิทธิ์ Hi-Touch หรือถ่ายรูปกลุ่ม จะยังคุ้มค่าที่จะไปอยู่ไหม?
คุ้มค่าแน่นอน! สิทธิประโยชน์ (Benefits) เหล่านั้นเป็นแค่ของแถม แต่หัวใจหลักของงานคือบรรยากาศโดยรวม การได้เห็นศิลปินในมุมผ่อนคลาย การได้ฟังเขาร้องเพลง การได้หัวเราะไปกับเกมที่เขาเล่นและการได้เป็นส่วนหนึ่งของทะเลแท่งไฟที่สวยงาม แค่นี้ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ฟินและคุ้มค่าบัตรมาก ๆ แล้ว
ทำไมสิทธิประโยชน์ (Benefit) แต่ละโซนถึงไม่เท่ากัน?
อันนี้เป็นเรื่องปกติของการจัดอีเวนต์ เพื่อให้แฟน ๆ สามารถเลือกระดับความใกล้ชิด หรือความพิเศษได้ตามงบประมาณที่ตัวเองไหว โซนที่ราคาสูงกว่าก็มักจะได้สิทธิ์ที่เอ็กซ์คลูซีฟกว่า เช่น Hi-Touch, Group Photo (ถ่ายรูปกลุ่ม) หรือได้สิทธิ์ลุ้นเป็น Lucky Fan ขึ้นไปเล่นเกมบนเวที ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้โมเมนต์ในงานแฟนมีตพิเศษสุด ๆ สำหรับคนที่ยอมทุ่มทุนเพื่อความฟินนั่นเอง
งานแฟนมีตต้องแต่งตัวตามธีม (Dress Code) ไหม?
อันนี้แล้วแต่ความสะดวกและความสนุกของเราเลย! บางงานกลุ่มแฟนคลับหรือตัวผู้จัดเองอาจจะมีการประกาศธีมสี หรือธีมการแต่งตัวสนุก ๆ มาให้ร่วมจอย ถ้าเราแต่งตามก็จะยิ่งอินกับบรรยากาศมากขึ้น แต่ถ้าไม่มีธีมอะไรเป็นพิเศษ ก็แค่แต่งตัวในสไตล์ที่เรามั่นใจ สบายตัวและคิดว่าศิลปินเห็นแล้วต้องจำเราได้ก็พอ